ลวดสลิง (Wire Rope) 101

ความรู้เบื้องต้นและพื้นฐานเกี่ยวกับ ลวดสลิง

  • ลวดสลิงคืออะไร ?
  • ทำจากอะไร ?
  • มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร ?
  • รวมถึงวิธีการยก

ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการใช้งานและการรับน้ำหนักของลวดสลิง

ลวดสลิง (Wire Rope) คืออะไร ?

ลวดสลิง คือ เส้นลวดเหล็กหลายเส้นที่ตีเกลียวหรือพันรอบแกนชั้นเดียวหรือหลายชั้นซึ่งจำนวนเส้นลวดของลวดตีเกลียวแต่ละเกลียวของเชือกลวดเหล็กกล้าจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้งาน

องค์ประกอบของลวดสลิง (Component)

ลวดสลิง 1 เส้น จะประกอบด้วย

  1. แกนลวดสลิง (Core) ทำหน้าที่รักษารูปทรงของลวดสลิงให้กลม รองรับเกลียวชั้นนอก ทั้งยังช่วยรักษาให้ลวดตีเกลียวอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมระหว่างการใช้งาน
  2. เส้นลวด (Wire) ส่วนประกอบย่อยสุดของลวดสลิง
  3. ขดลวด หรือ เกลียวสลิง (Strand) เกิดจากการรวมตัวของเส้นลวดด้วยการตีเกลียว
องค์ประกอบของลวดสลิง

ขนาดลวดสลิง (Size)

ลวดสลิงที่ใช้ในงานยก ขึง หรือเคลื่อนย้ายวัสดุต่างๆ มีหลายขนาดให้เลือกตามความเหมาะสมของงาน ซึ่งหากลวดสลิงมีความกว้างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยไทยมุ้ยมีขนาดลวดสลิงให้เลือกซื้อตั้งแต่ 8-76 มิลลิเมตร (มม.)
 
สำหรับการวัดขนาดความกว้างลวดสลิง จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า เวอร์เนียร์ วัดส่วนที่กว้างที่สุดของลวดสลิง โดยตามมาตรฐานลวดสลิงจะมีค่าพิกัดความเผื่อ 0-5% จากขนาดที่ระบุ (Nominal Diameter)​ คือจะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดที่ระบุนั่นเอง
 
การวัดขนาดลวดสลิง

ความยาวของลวดสลิง (Length)

สำหรับความยาวลวดสลิง สามารถวัดได้ 3แบบ
  1. Overall Length วัดความยาวทั้งหมดจากขอบนอกของสลิง
  2. Bearing to Bearing วัดความยาวทั้งหมดจากขอบในของสลิง
  3. Effective Length วัดความยาวทั้งหมดจากขอบในของชุดยก
การวัดความยาวลวดสลิง

โครงสร้างลวดสลิง (Construction)

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อลวดสลิงให้เหมาะกับการใช้งานคือ โครงสร้าง
จำนวนโครงสร้างของลวดสลิง โดยทั่วไปลวดสลิงจะมีตัวเลขที่ต้องดู 2 ตำแหน่ง เช่น
โครงสร้างลวดสลิง 6×19 ซึ่ง

  • เลขตัวหน้า หมายถึง จำนวนขดลวดในเกลียวลวดสลิง (Strand) เส้นนั้นๆ
  • เลขตัวหลัง หมายถึง จำนวนเส้นลวด (Wire) ที่อยู่ในขดลวด (ซึ่งอาจมีจำนวนที่น้อยกว่าหรือมากกว่าตัวเลขที่ระบุไว้ก็ได้เช่นกัน)
โครงสร้างของลวดสลิง

ลักษณะของ “เกลียว” ลวดสลิง (Strand Pattern)

  1. Single Layer เป็นเส้นลวดที่มีขนาดเท่ากัน มัดล้อมรอบแกนเส้นลวดที่อยู่ตรงกลาง
  2. Filler Wire ลวดสลิงที่มีเส้นลวดขนาดเล็ก แทรกอยู่ในพื้นที่ว่างระหว่างเส้นลวดที่มีขนาดใหญ่กว่า
  3. Seale : มีเส้นลวดขนาดใหญ่ล้อมด้านนอก เส้นลวดขนาดเล็กแทรกอยู่ด้านใน
  4. Warrington โครงสร้างลวดสลิงที่มีเส้นลวดทั้งใหญ่และเล็กวางสลับกัน
  5. Combined เป็นการรวมลักษณะการตีเกลียวหลายๆ รูปแบบเข้าด้วยกัน

ลักษณะของ”ลวดสลิง” (Wire Rope Type)

โดยทั่วไปมี 4 รูปแบบด้วยกัน คือ

  1. Convention Steel Wire Rope
    เป็นเส้นลวดเหล็กหลายเส้นที่ตีเกลียวหรือพันรอบแกนชั้นเดียวหรือหลายชั้น
  2. Compacted Wire Rope
    ผลิตโดยใช้การรีดกลมเกลียวของลวดสลิง ช่วยลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของเกลียวทั้งหมด กระบวนการนี้ทำให้พื้นผิวของเส้นลวดด้านนอกเกลียวเรียบและยังเพิ่มความหนาแน่นของเส้นลวดด้วย ส่งผลให้พื้นผิวด้านนอกเรียบขึ้นและเพิ่มความแข็งแรงเมื่อเทียบกับลวดสลิงขนาดและประเภทเดียวกันที่เทียบเท่า ในขณะเดียวกันก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นผิวเนื่องจากความต้านทานการสึกหรอที่เพิ่มขึ้น
  3. Rotation Resistance
    ลวดสลิงบางประเภท โดยเฉพาะลวดสลิงแบบเกลียวพิเศษ มีแนวโน้มที่จะหมุนได้ง่ายกว่าเมื่อมีการใช้งาน ลวดสลิงต้านทานการหมุน ได้รับการออกแบบให้ต้านทานการบิด การหมุน ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการใช้งาน ติดตั้ง และจัดเก็บ เพราะจะทำให้เชือกบิดตัวซึ่งและไม่สามารถต้านทานการหมุนได้
  4. Plastic Impregnated Wire Rope
    ลวดสลิงที่เติมพลาสติก ในช่องว่างภายในระหว่างเกลียวและแกนของลวดสลิง ไส้พลาสติกช่วยลดความล้า (Fatigue) จากการดัดงอ และลดการสึกหรอของลวดสลิงทั้งภายในและภายนอก 

แกนหรือไส้ของลวดสลิง (Core)

ᅠแกนกลางหรือไส้ของลวดสลิง ทำหน้าที่รักษารูปทรงของลวดสลิงให้กลม รองรับเกลียวชั้นนอก ทั้งยังช่วยรักษาให้ลวดตีเกลียวอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมระหว่างการใช้งาน ซึ่งแกนลวดสลิงแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่

  1. ลวดสลิงแกนไฟเบอร์/เชือก (Fiber Core : FC)
    ตัวแกนทำจากเชือกที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติหรือเส้นใยสังเคราะห์ส่วนใหญ่ใช้เป็น Polypropylene (PP) หรือ Polyvinylchloride (PVC) ซึ่งมีข้อได้เปรียบ คือ ลวดสลิงมีความความอ่อนตัว (Flexibility) ทนทานต่อแรงล้าได้มากกว่า และ มีความยืดหยุ่นที่สูง (stretch) ทำให้สามารถซับแรงได้ดี นอกจากนี้ไส้เชือกสามารถดูดซึมน้ำมันหล่อลื่นเพื่อป้องกันความชื้นและการผุกร่อน แต่ทนแรงกระแทกได้น้อยกว่าลวดสลิงแกนลวดเหล็กกล้า (IWRC)
  2. ลวดสลิงแกนลวดเหล็กกล้า (Independent Wire Rope Core : IWRC)
    ลวดสลิงที่มีแกนเป็นลวดเหล็กกล้า จะเพิ่มความแข็งแรงมากกว่าไส้เชือกประมาณ 10-15% ช่วยต้านทานต่อแรงกดทับ และทนต่อความร้อนได้ดีกว่าไส้เชือก ซึ่งเป็นลวดสลิงที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่า จากข้อจำกัดในการใช้งานลวดสลิงไส้เชือก เช่น อุณหภูมิ ความแข็งแรง แรงกดทับ และ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการใช้งานที่ยากในการดูแลเป็นต้น
  3. ลวดสลิงแกนลวดตีเกลียว (Wire Strand Core : WSC)
    เป็นลวดสลิงไส้เหล็กเหมือนกับ IWRC แต่จะนำเกลียวมาทำแกนลวดสลิง ข้อสังเกตลักษณะของแกนลวดสลิงจะเหมือนกับเกลียวสลิง ซึ่งออกแบบเพื่อใช้ผลิตแกนลวดสลิงเกลียวหลายชั้น เช่น ลวดสลิงประเภทต้านทานการหมุน Rotation Resistant หรือ Non Spin

เกรดของลวดสลิง (Grade)

ᅠเกรดแรงดึงของลวดสลิง เป็นค่าที่บ่งบอกแรงดึงและน้ำหนักที่ลวดสลิงสามารถยกหรือเคลื่อนย้ายวัตถุได้อย่างปลอดภัย โดยมีเกรดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก 3 แบบด้วยกัน ได้แก่

  • IPS (Impoved Plowed Steel) /1770 Grade : มีแรงดึงอยู่ที่ 1770 N/mm² หรือ 180 kg/mm²
  • EIPS (Extra Improved Plowed Steel)/1960 Grade : มีแรงดึงอยู่ที่ 1960 N/mm² หรือ 200 kg/mm²
  • EEIPS (Extra Extra Improved Plowed Steel)/2160 Grade : มีแรงดึงอยู่ที่ 2160 N/mm² หรือ 220 kg/mm²ᅠ

Refernce: Bridon-Rope Grade Explained

ทิศทางของลวดสลิง (Direction)

การเลือกซื้อลวดสลิงให้เหมาะกับการใช้งานนั้น เราจำเป็นต้องดูทิศทางของลวดสลิง ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีอยู่ 2 ทิศทางด้วยกันคือ

  1. ลวดสลิงเกลียวซ้าย (Left-hand)
  2. ลวดสลิงเกลียวขวา (Right-hand)

ซึ่งการเลือกใช้งานนั้น จะขึ้นอยู่กับการออกแบบเครนที่ใช้งาน ว่าเครนดังกล่าวระบุให้ใช้เกลียวซ้ายหรือเกลียวขวา ซึ่งหากใช้งานผิดประเภท ก็อาจทำให้ขดลวดคลายตัวและหลุดออกจากแกนของสลิงได้

Reference: Bridon-Rope Lay and Direction

 
ทิศทางของลวดสลิง

การเรียงตัวของลวดในเกลียว (Lay Type)

ซึ่งจะมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ

  1. เกลียวธรรมดา (Regular Lay) ทิศทางของลวดในแต่ละเกลียวและทิศของมัดเกลียวอยู่ตรงข้ามกัน เป็นรูปแบบที่นิยมใช้งานมากที่สุด เนื่องจากมีความทนทานต่อแรงกดทับและการหมุน
  2. เกลียวพิเศษ (Lang Lay) ทิศทางของลวดในแต่ละเกลียวและมัดเกลียว บิดไปในทิศทางเดียวกัน หรือเป็นลักษณะของเส้นลวดที่ตีขนานไปตามเกลียวสลิง นิยมใช้ในงานสลิงที่มีการดัดหรือโค้งงอได้ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง
  3. เกลียวสลับ (Alternate Lay) เป็นลวดสลิงที่ผสมผสานกันระหว่างเกลียวธรรมดาและเกลียวพิเศษ ทำให้มีทั้งความทนทานและยืดหยุ่นสูง
 
 
การเรียงตัวของลวดสลิง

การเข้าหัวสลิง (Termination)

เป็นการเชื่อมต่อลวดสลิงเข้าด้วยกัน หรือเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์จับยึดรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการยกแตกต่างกัน และ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับแรงยกตัวลวดสลิงเอง

สำหรับการเข้าหัวลวดสลิง สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 

  1. การอัดปลอก เพื่อเชื่อมต่อลวดสลิง 2 ด้านเข้าด้วยกัน โดยใช้เครื่องไฮดรอลิกในการอัดเพื่อเชื่อมต่อแบบถาวร เช่น ปลอกอลูมิเนี่ยม หรือปลอกเหล็ก เหมาะกับลวดสลิงยก
  2. การหล่อหัว เป็นการประกอบที่ใช้เรซิ่นเชื่อมส่วนหัวที่เป็นซ็อกเกตเข้ากับส่วนปลายของลวดสลิง เหมาะสำหรับสลิงที่ใช้กับเครน
  3. การประกอบกริ๊บจับลวดสลิง เพื่อยึดส่วนปลายของห่วงเข้ากับลวดสลิง นิยมใช้ในงานขึง

การเข้าหัวลวดสลิง (Termination) มี 7 รูปแบบ

  1. Swage Sockets
  2. Spelter Sockets
  3. Wedge Sockets
  4. Swage Buttons
  5. Flemish Eyes
  6. Turnback Eyes
  7. Wire Rope Clips

Reference: Crosby-Termination Manual

 
ตารางประสิทธิภาพการเข้าหัวสลิง

การผูกปม/ยก ด้วยลวดสลิง (Hitch)

นอกจากค่าการรับน้ำหนักที่ปลอดภัยของลวดสลิงหรือน้ำหนักของวัตถุที่จะทำการยกแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้ใช้งานลวดสลิงไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ วิธีผูกมัดลวดสลิงเข้ากับวัตถุที่ยกนั่นเอง เพราะการเลือกใช้วิธีผูกมัดที่ถูกต้องเหมาะสม จะช่วยให้งานยกหิ้วมีความราบรื่นและเป็นไปอย่างปลอดภัย 

ทั้งนี้ วิธีผูกมัดลวดสลิงกับวัตถุที่ยก โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 

  1. แบบแนวดิ่ง (Vertical Hitch) เป็นการคล้องสลิงเข้ากับวัตถุโดยตรง โดยไม่ต้องพันรอบเหมือนการผูกรูปแบบอื่นๆ 
  2. แบบหักคอไก่ (Choker Hitch) เป็นการผูกสลิงกับวัตถุโดยนำปลายลวดสลิงด้านหนึ่งสอดเข้าหูสลิงอีกด้านหนึ่งเพื่อสร้างห่วงคล้องรอบวัตถุ 
  3. แบบตะกร้าหรือแบบอุ้ม (Basket Hitch) การผูกสลิงโอบรอบวัตถุที่จะยก และนำส่วนปลายสลิง ทั้ง 2 ด้าน มาเกี่ยวไว้กับตะขอ
 
 

Contact Us

ไทยมุ้ย เราคือผู้จัดจำหน่ายลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูง ที่ให้บริการมานานกว่า 60 ปี และเรายังคงมุ่งมั่นสานต่อเจตนารมย์ที่จะยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้เจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต

 

หากท่านมีข้อสงสัยใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริการและสินค้าของเรา ติดต่อเราได้เลยครับ เราพร้อมและยินดีตอบทุกข้อซักถาม พร้อมกับยินดีช่วยท่านสำหรับงานสำคัญต่าง ๆ ของท่าน และถ้าหากท่านมีข้อแนะนำ หรือข้อติชมใด ๆ ทางทีมงานก็พร้อมน้อมรับด้วยความขอบคุณอย่างยิ่งครับ
E-mail: sales@thaimui.co.th
Call: +6622352940
Line: @ThaiMui
Facebook: ThaiMuiCorp

Line @thaimui